อัสซุสวางเน็ตบุ๊กเกาะกระแส 3G


อัสซุสหวังเกาะโอเปอเรเตอร์มือถือทำตลาดเน็ตบุ๊กคู่ระบบ 3G เชื่อจะช่วยกระตุ้นรายได้เพิ่ม แต่ในไทยต้องรอ 3G ความถี่มาตรฐานเกิด ล่าสุดส่งอีพีซี 1201ที อัลตราธิน ซีพียู หลังทิศทางตลาดเริ่มชัดเจน

นายพรเทพ วัชรอำนวย กรรมการผู้จัดการ บริษัท อัสซุสเทค คอมพิวเตอร์ (ประเทศไทย) กล่าวว่า ขณะนี้บริษัทแม่ที่ไต้หวันได้วางโมเดลธุรกิจเน็ตบุ๊กที่จะรองรับระบบ 3G โดยตั้งทีมขึ้นมาเพื่อประสานความร่วมมือกับโอเปอเรเตอร์มือถือในการนำเสนอสินค้าและบริการให้แก่ลูกค้าอย่างในญี่ปุ่นหรือยุโรปจะเป็นลักษณะของการให้เครื่องฟรีกรณีที่ลูกค้าจ่ายค่าบริการรายเดือน ซึ่งคล้ายกับการทำตลาดของไอโฟน

สำหรับประเทศไทยต้องรอความชัดเจนของการประมูลใบอนุญาตที่จะให้เอกชนเป็นผู้ดำเนินการก่อน และเชื่อว่าภายในกลางปีหน้าน่าจะเห็นความชัดเจนในเรื่องนี้

“ตอนนี้ยังเป็นคอขวดที่ต้องใส่ฟีเจอร์รองรับกับย่านความถี่ อย่างที่เราร่วมมือกับเอไอเอส ที่ต้องทำให้เครื่องรองรับ 2.5G หรือ HSPA แต่ยังไม่ใช่ความถี่ย่าน 2.1 กิกะเฮิรตซ์ ที่เป็น 3G สากล”

ทั้งนี้ อัสซุสเริ่มมีการเจรจากับโอเปอเรเตอร์มือถือไม่ว่าจะเป็นเอไอเอส ดีแทค หรือทรูมูฟ ในการทำตลาดในลักษณะโปรเจกต์และการทำตลาดเน็ตบุ๊กทั่วไปซึ่งเชื่อว่าจะทำให้รายได้เน็ตบุ๊กเพิ่มขึ้นจากปกติที่มีอยู่ประมาณ 15-20% ของรายได้รวมอัสซุส ส่วนภาพรวมของตลาดเน็ตบุ๊กเชื่อว่ายังจะเติบโตต่อเนื่อง เพราะผู้บริโภคเริ่มรู้แล้วว่าจะต้องใช้งานอย่างไร รวมถึงราคาที่ลดลงอย่างต่อเนื่อง

“ปี 08 ตลาดยังสวิงอยู่เพราะไม่รู้ว่าผู้บริโภคต้องการซื้อเน็ตบุ๊ก หรือเป็นความเห่อสิ่งใหม่ เพราะบางครั้งเครื่องก็ขาดตลาด บางครั้งก็เหลือ แต่พอถึงปีนี้ผู้ใช้เริ่มรู้แล้วว่าจะใช้งานอย่างไร”

อัสซุสยังได้นำอีพีซี รุ่น 1201ที ที่มากับซีพียูชิปเซ็ตของเอเอ็มดีออกสู่ตลาด เน็ตบุ๊กดังกล่าวเป็นการผสาน 2 ประสิทธิภาพร่วมกัน มีขนาดหน้าจอที่ใหญ่ขึ้น คือขนาด 12 นิ้ว บวกกับประสิทธิภาพของเอเอ็มดี คองโก เอ็มวี40 อัลตราธิน ซีพียู ที่กินไฟน้อย แต่ทำงานได้เร็วขึ้น และระบบมัลติมีเดียในราคา 15,900 บาท และเชื่อว่าคุณสมบัติดังกล่าวจะช่วยสร้างให้ตลาดเน็ตบุ๊กกลับมาคึกคักอีกครั้ง สำหรับเน็ตบุ๊กรุ่นนี้มีกลุ่มเป้าหมายคือกลุ่มคนทำงาน

นายพรเทพกล่าวว่า การทำตลาดของอัสซุสยังเน้นในเรื่องนวัตกรรมเป็นหลัก ส่วนกำลังการซื้อเน็ตบุ๊กโดยรวมสำหรับตลาดกลางถึงบนที่ผ่านมามีอัตราการโตประมาณ 15-20% โดยราคาอยู่ที่ 1.5-2 หมื่นบาท ทั้งนี้ ถ้าคิดเป็นสัดส่วนยอดขายของเน็ตบุ๊กเมื่อเทียบกับตลาดโน้ตบุ๊กอยู่ที่ 7-8%

“ขณะนี้เน็ตบุ๊กต่างจากอดีต เพราะมีความเป็นมัลติมีเดีย สามารถตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากขึ้น”

0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น